สวัสดีครับ วันนี้เรามีสินค้ารุ่นใหม่มาแนะนำจาก บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถ้าพูดถึงบริษัทฟิลิปส์ หลายๆ คนคงนึกถึงหลอดไฟ ใช่แล้วครับวันนี้เราจะมารีวิวหลอดไฟ ที่ใหม่และพิเศษกว่าหลอดไฟอื่นๆ ผมขอเรียกมันว่าหลอดไฟ ดิมเมอร์ หลอดไฟปรับแสงได้ แต่หลอดไฟดิมเมอร์ปรับระดับแสงนี่มันก็มีอยู่แล้วนี่ มันจะพิเศษยังไง งั้นเรามาติดตามชมจนจบตั้งแต่ต้นกันเลย
หลอดไฟ Philips LED SceneSwitch – Brightness Change นี่เป็นรุ่นที่สอง (รุ่นแรกมี 2 สีในหลอดเดียว) ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถปรับความสว่างของแสงได้สามระดับในหลอดเดียว โดยสามารถใช้สวิตซ์ไฟตัวเดิมโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม เจ๋งไปเลยใช่ไหม ช่วยสร้างบรรยากาศและปรับอารมณ์ให้เหมาะสมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำอาหาร หรือการพักผ่อน ที่สำคัญสว่างมากและใช้ไฟน้อยสุดๆ หลายๆคนอาจจะไม่มั่นใจว่าหลอดไฟ LED นี่มันจะสว่างเท่ากับหลอดไส้ หรือหลอดตะเกียบที่ใช้ๆ อยู่จริงๆ เหรอ เพราะจำนวนวัตต์ที่ใช้น้อยลง ผมขอนั่งยันนอนยัน ยืนยัน เลยครับว่าสว่างมากกว่าแน่นอน จนรู้สึกประทับใจแบบที่ผมรู้สึกเลยแน่นอน
ใครที่อ่านบทความนี้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ผมรับรองว่าจะได้เห็นข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหลอดไฟ แอ ลอีดี ฟิลิปส์ซีน สวิตซ์ รวมถึงวิธีการติดตั้ง และใช้งานปรับระดับแสง มาเริ่มกันเลยดีกว่า เอ้าา..แกะกล่อง!!!!
จากรูปด้านบนนี้จะพบว่าหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch นี้มี 2 แบบ คือ หน้ากล่องสีส้ม กับสีฟ้า มันต่างกันยังไง มันต่างกันที่แสงที่จะได้รับครับ สีส้ม ไฟที่สว่างออกมาเป็น Warm White แสงแบบอุ่นๆ ส้มๆ แสงแบบนี้เหมาะติดในห้องลองเสื้อ หรือห้องแต่งหน้าจะทำให้สวยขึ้น หรือจะใช้งานตรงส่วนไหนก็ได้ครับ ส่วนกล่องสีฟ้า Cool DayLight จะเป็นแสงขาว แสงที่ได้ออกมาจากหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch นี้จะมีความสว่างแบบใสๆ โดยหลอดไฟที่นี้กินไฟเพียงแค่ 9 วัตต์ เท่านั้นเอง และก่อนที่จะ Unbox แกะกล่องออกมาเรามาดูภาพข้างกล่องของสินค้ากันเถอะ ตามรูปข้างล่างนี้
เมื่อแกะกล่องออกมาแล้วหลอดไฟจะมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ ตัวหลอดทำออกมาดีมากครับ งานเนียน เรียบสวย
สำหรับใครที่กังวงว่าจะใช้งานที่บ้านไม่ได้ หมดกังวลไปเลย เพราะใช้ขั้วแบบ E27 ที่ใช้มาตรฐานกันตามบ้านครับ
มาดูภาพด้านบน ของหลอดไฟ แอลอีดี Philips LED SceneSwitch กันบ้าง
สำหรับหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch แบบ Warm White และ Cool DayLight มีลักษณะหลอดรูปร่างเหมือนกันเป๊ะๆ
ผมมีทั้งสิ้น 4 หลอด จะเอามาติดห้อง เป็นหลอดแสงขาว 2 และ แสงอุ่น 2 เอามาติดในห้องโซนต่างๆ ตรงโต๊ะทำงานจะติดแสงขาว ส่วนตรงโต๊ะเครื่องแป้งจะติดแสงอุ่น เวลาดูจะได้เนียนๆ หลอกตาตัวเอง 555 เวลาวางไว้จำให้ดีนะครับว่าหลอดไหนแสงขาว แสงอุ่น มันจะรูปร่างเหมือนกัน
ถัดมามาดูน้ำหนักกันบ้าง ว่าหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch นี้จะหนักเพียงใด เมื่อเทียบกับหลอดตะเกียบทั่วๆ ไปแล้ว ดูตามภาพด้านล่างได้เลย
จากสองภาพด้านบนพบว่าหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch หนักกว่าหลอดตะเกียบอยู่ประมาณ 10 กรัม
- Philips LED SceneSwitch 69.1 กรัม
- หลอดตะเกียบชนิดอื่นๆ 58.6 กรัม
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการใช้งานแต่อย่างใด
การติดตั้ง
การใช้งานหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch ใช้งานง่ายมากๆ ครับ เพียงแค่ถอดหลอดไฟบ้านเก่า และใส่หลอดใหม่ของ Philips LED SceneSwitch เข้าไปแทนที่หลอดไฟบ้านได้เลย รูปแบบการปรับระดับแสง ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติมเลยครับ เพียงแค่ใช้สวิตซ์ดั้งเดิมที่ติดอยู่ตามบ้านนั่นเอง
แสงจะถูกปรับเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ 100% ความสว่างแสงสูงสุด หรือ 40% ความสว่างแสงระดับกลางๆ หรือ 10% ความสว่างแสงน้อยสุด มาดูแยกเป็นหัวข้อ ว่าแสงระดับต่างๆนี้เหมาะกับอะไร
- Bright Light ระดับความสว่าง 100% (65000K/80Lm) เหมาะกับการทำงาน
- Normal Light ระดับความสว่าง 40% (6,500K/320Lm) แสงใกล้เคียงกับธรรมชาติ
- Low Light ระดับความสว่าง 10% (6,500K/80Lm) เหมาะกับช่วงเวลาต้องการแสงน้อย เช่น การชมภาพยนต์
และที่สำคัญรู้ไหมครับว่า การใช้งานหลอดไฟ Philips LED SceneSwitch สามารถประหยัดไฟที่เคยใช้ในบ้านได้มากถึง 87% และอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี หลอดไฟนี้มีการใช้เทคโนโลยี LED ชนิดพิเศษ ทำให้สว่างขึ้น ความร้อนของหลอดลดลง และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน (แต่ไม่ใช่ไม่มีความร้อนนะครับเวลาเปิดไปนานๆ มีอยู่เหมือนกันครับ)
การใช้งาน/หลักการทำงาน
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว นึกอ้าว แล้วมันปรับระดับยังไงล่ะ ไม่มีสวิทซ์ติดตั้งเข้าไปเพิ่ม ผมขอ บอกตรงนี้เลยว่า หลอดไฟฟิลิปส์มีความฉลาดมาก คือ เมื่อเราเปิดไฟครั้งแรก มันจะสว่างที่สุดเลย ถ้าเราอยากปรับระดับให้มันสว่างลดน้อยลง ให้ปิดสวิทซ์แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง โดยครั้งที่ 2 นี้หลอดไฟจะสว่างลดลงจากเดิม 100% กลายเป็น 40% ถัดมาอยากได้แสงน้อยลงมายังระดับ 3 คือ 10% ก็ให้ทำซ้ำเหมือนเดิม คือ ปิด และเปิด switch ใหม่อีกรอบ หลอดไฟจะสว่างลดลงเหลือเพียง 10% เท่านั้นเอง
บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแต่ละหลอดนี่ต้องใช้ได้กับสวิทซ์แยกกันไหมสำหรับควบคุมแต่ละหลอด ตอบ ไม่จำเป็นครับไฟบ้านเราเป็นแบบไหน เคยต่อแบบเปิด switch หนึ่งครั้งติด 4 ดวง ก็สามารถติดตั้งได้เลย
เป็นไปได้ไหมว่า เปิด switch หนึ่งครั้งแล้วไฟจะติดไม่เหมือนกัน เช่น สมมติที่บ้านมีหลอดไฟ 4 หลอด เปิดครั้งแรก มี 3 หลอดติดสว่าง 100% และอีก 1 หลอด ติด 40%
ตอบ เกิดขึ้นได้ครับ แต่วิธีแก้ คือปิดไฟไว้แล้วรอสักระยะหนึ่ง แล้วค่อยเปิดใหม่ หลอดไฟทั้ง 4 ดวงจะติดพรืบ สว่างเท่ากันเลยครับ ฟิลิปส์คิดถึงเรื่องนี้แล้วและแก้ปัญหาไว้แล้ว
ดังนั้นสมมติว่าเราเปิดไฟไว้ที่ระดับ 40% ทุกดวง แล้วเราปิดไฟ ออกไปข้างนอกกลับมาบ้านอีกครั้งแล้วเปิดไฟ มันจะไม่ใช่ติดที่ระดับความสว่าง 10% นะครับ มันจะติดที่ 100% เพราะเมื่อทิ้งเวลาไว้สักระยะ หลอดไฟจะรีเซตรอบกลับมาที่สว่างที่สุดเหมือนเดิมในครั้งแรกที่เราเปิด
ใครไม่เข้าใจวิธีการทำงานดูคลิปด้านล่างได้เลย
สุดท้ายนี้หลายๆคน คงอยากรู้แล้วว่าหลอดไฟสุดเจ๋งนี้ราคาเท่าไร และซื้อได้ที่ไหน บอกได้เลยว่าราคาเพียง 259 บาท ถูกมากกับฟังก์ชันการใช้งานสุดชิคแบบนี้ ผมเองผมยังติดใจเลยครับ ซื้อได้ที่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป เพราะตอนนี้ ฟิลิปส์ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไว้เรียบร้อยแล้วววว
และก่อนจบบทความนี้ต้องขอบคุณคุณฝน พีอาร์ จากบริษัทฟิลิปส์ที่ไว้ใจได้ส่งสินค้ามาให้ทางริววี ได้รีวิวสินค้านี้ครับ