สร้างหน้าเว็บแบบคงที่ใน WordPress – Add Page
สวัสดีครับ บทความนี้เราจะมาศึกษาเกี่ยวกับการสร้างหน้าเว็บในเว็บของเรา หน้าเว็บคืออะไร ก็คือหน้าที่มีเนื้อหาบทความที่เราต้องการเขียนนั่นล่ะครับ คิดว่าหลายๆ คนอาจจะรอบทความนี้อยู่นาน กว่าจะถึงขั้นตอนการสร้างหน้าเว็บไซต์ของตัวเองนี่นานจังเลย ต้องผ่านด่านตั้งหลายด่าน เดี๋ยวมาทบทวนกันหน่อยว่าจำได้ไหมว่า
Post กับ Page ต่างกันยังไง
- หน้า Post คือ หน้าบทความหลักของเว็บไซต์ หลังจากตั้งเว็บไซต์เสร็จ ส่วนใหญ่เราจะใช้เวลากับการสร้าง Post นี่ล่ะครับ บทความเนื้อหาอะไรที่เราอยากตีพิมพ์ หัวข้อข่าว รีวิวสินค้า บทความให้ความรู้เราจะจับใส่ไปใน Post ได้เลย เพราะฟีเจอร์ของโพสต์จะมีมากกว่า Page
- หน้า Page คือ หน้าบทความครั้งแรก บทความคงที่ ที่เราคิดว่าจะเขียนแค่รอบเดียว อาจจะไม่มีการปรับปรุงอีก เช่น หน้า About Us เกี่ยวกับเรา ติดต่อเรา ที่อยู่เว็บไซต์ แผนที่บริษัท ระเบียบข้อตกลง ประมาณนี้ บทความประเภทนี้เราจะนำมาใส่เป็นประเภท Page พอเข้าใจเนาะ
ดังนั้นในตอนเริ่มต้นของการสร้างเว็บนอกจากจะทำการตกแต่งเว็บแล้ว ก็ควรที่จะสร้างเนื้อหาคงที่ไว้ด้วยให้เสร็จเรียบร้อย ทีนี้มาดูวิธีการใช้งานกันเลย
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ riwwee.com แต่เพียงผู้เดียว ห้ามก๊อปปี้ หรือทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ |
สารบัญ |
เริ่มต้นเรียนรู้วิธีสร้างเว็บด้วยตนเอง อย่างละเอียดทุกขั้นตอน ได้จากบทความนี้
เช่าพื้นที่ทำเว็บ fastcomet เพื่อทำเว็บไซต์ wordpress ของตัวเอง ลดทันที 15% คลิ๊กเลย
เริ่มต้นเข้าสู่แผงควบคุมเว็บ
ก่อนอื่นเมื่อเข้ามาในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ให้เราเข้าไปที่ www.yourwebsite.com/wp-admin ตามเดิม อย่าลืมเปลี่ยน yourwebsite เป็นเว็บไซต์ของเราเองล่ะ หลังจากนั้นให้ทำ Login ด้วย Username และ Password ต่อมา จะถูกเข้าไปที่หน้าแผงควบคุมของเว็บไซต์ และให้เราคลิ๊กตามรูปเลยครับ
จากรูปด้านบน
- All Pages นั่นคือ แสดงรายการ Page ทั้งหมดในเว็บไซต์ที่เรามี ตอนนี้มีแค่บทความตัวอย่างหนึ่งบทความ
- Add Pages คือ ปุ่มสำหรับเพิ่มบทความ
อธิบายส่วนต่างๆในรายการ Page
สำหรับ ตำแหน่งหมายเลข 1 คือ Bulk Actions แปลเป็นไทยว่าทำทีละเยอะๆ เราอาจจะเลือกรายการบทความใน ตำแหน่งที่ 2 แล้วก็มาเลือก Bulk Actions ในตำแหน่งที่ 1 แล้วก็กด Apply เพื่อนำการกระทำที่เลือกใน Bulk Acctions ไปใช้งาน
Bulk Actions มีให้เลือก 2 คำสั่งเท่านั้นคือ Edit กับ Move To Trash หมายความว่าถ้าเรามีบทความเยอะๆในตำแหน่งที่ 2 แล้วเราไม่ต้องการมันแล้ว เราอาจจะติ๊กเลือกในตำแหน่งที่ 2 หน้าบทความที่เราไม่ต้องการแล้วก็มาเลือก Move To Trash แล้วกด Apply หลังจากนั้น WordPress จะทำการนำบทความเราไปทิ้งในถังขยะ แต่มันยังไม่ได้ถูกลบออกจากเว็บจริงๆนะครับ แค่มาร์คว่าหายไป เราสามารถเปลียนใจกู้มันกลับมาคืนได้ เรียกว่า Restore
ตำแหน่งที่ 2 จะแสดงรายชื่อบทความ และก็ชื่อผู้เขียน และวันที่ทำการเผยแพร่ เท่านี้เองครับง่ายๆ
ลูกศรชี้ตำแหน่งที่ 3 คือปุ่มสำหรับเพิ่มบทความประเภท Page ขึ้นมาใหม่
การเพิ่มบทความ Add New
เริ่มต้น คลิ๊กที่ Add New ตามรูปด้านล่าง
หลังจากนั้น WordPress จะเปิดหน้าสำหรับพิมพ์ขึ้นมาดังนี้
ตามภาพด้านบนนั้น เป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานสุดๆของ WordPress ที่มีมาให้เลยล่ะ ดังนั้นถ้าเราอยากที่จะมีฟีเจอร์เพิ่มเติม อยากมี editor ที่ใช้งานได้มากกว่านี้ก็ไปติดตั้ง Plugin สิ แนะนำปลั๊กอิน TinyMCE Advance ลองไปค้นหาดูใน WordPress Plugin แล้วลองติดตั้งดู ฟีเจอร์เครื่องมือช่วยพิมพ์ น้องๆ โปรแกรม Word เลย ติดตั้ง plugin wordpress ไม่เป็นดูที่นี่ครับ
คำอธิบายส่วนต่างๆ
- Enter Title Here ให้คุณใส่ชื่อบทความลงไป เช่น About Us หรือ ติดต่อเรา ก็ได้ครับ
- Add Media ใช้เพื่อเพิ่มรูปภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ และก็ใช้ในการเลือกรูปภาพเพื่อแทรกในกล่องข้อความ
- กล่อง สี่เหลี่ยมด้านล่าง จะเป็นกล่องสำหรับพิมพ์ เรียกว่า Editor สำหรับพิมพ์เนื้อหาบทความก็ได้ครับ
- Save Draft ถ้าคิดว่าพิมพ์ไว้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ต้องการออกไปข้างนอกก่อน ก็ Save Draft ไว้ก่อนเป็นฉบับร่าง มันจะยังไม่เผยแพร่ในหน้าเว็บของเรา ปกติ WordPress จะ Auto Save ให้เราเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่จำไว้ว่าทุกครั้งที่คิดว่างานเสร็จถึงระดับหนึ่งให้กด Save Draft เอาไว้ เพราะไม่แน่ไม่นอน เซฟเองนั่นดีที่สุด
- Preview เป็นปุ่มสำหรับกดดูตัวอย่างที่บทความเราจะปรากฎบนหน้าเว็บ
- Status แสดงสถานะของบทความ ว่าเป็น Draft หรือ Pending Review หรือ Published เผยแพร่แล้ว ถ้าบทความเราเผยแพร่แล้ว เราสามารถเลือกให้มันกลับมาเป็น Draft ไว้ได้ จากตรงนี้ แบบว่าไม่อยากเผยแพร่ก็สามารถเลือก Edit แก้ไขได้ภายหลัง
- Visibility รูปแบบการมองเห็น ถ้า ตั้ง Public ไว้คือ เห็นได้ทุกคน หรือจะเป็น Password Proteced หรือจะตั้งเป็น Private เก็บไว้อ่านคนเดียวก็ได้
- Publish Immediately ถ้าเลือกแบบ Imediately เมื่อกด ปุ่ม Publish มันจะเผยแพร่ทันที แต่ถ้ากดปุ่ม Edit มันจะให้เลือกวันและเวลาที่จะให้บทความเริ่มเผยแพร่ ตั้งเวลาไว้ได้เจ๋งมั้ย เผื่อเราเขียนๆบทความไว้เยอะๆ แล้วตั้งเวลาให้มันเผยแพร่ วันที่เรากำหนดก็ได้ เช่นบทความมีหลายตอนให้ผู้ชมติดตามทุกวันศุกร์ ก็ตั้งเวลาเผยแพร่ไว้วันศุกร์ เป็นต้น
- ปุ่ม Publish เอาไว้กดเพื่อรัน ให้ wordpress เผยแพร่บทความให้เรา อยากเผยแพร่ตอนไหนให้กดเลย ถ้ายังไม่พร้อมก็กด Save Draft ไว้ก่อน
- Page Attribute ผมไม่ค่อยได้ปรับเท่าไรแต่ถ้าอยากปรับก็ดูตามนี้ครับ
- Parent หมายถึงบทความหลักมีมั้ย ถ้าไม่มีให้ใส่ (no parent) ไป ส่วนใหญ่ให้เลือกอันนี้เลย แต่ถ้าเราอยากบอกว่าบทความนี้เป็นบทความลูก หรือบทความต่อจากบทความหลัก ให้คลิ๊กเลือก ชื่อบทความนั้นๆไปเลย
- Template หมายถึง โครงสร้างบทความน่ะมีมัย ถ้าใช้อันปกติ ก็เลือก Default เลย บางคนอาจจะไม่ชอบรูปแบบการแสดงแบบปกติ อาจจะให้มันเป็นบทความยาวเต็มหน้าเลยก็มี ให้เลือก
- Full Width Template เพื่อให้บทความเราแสดงกว้างเต็มหน้าเว็บ
- Page Builder Blank
- Page Builder Full Width
- Page With Slider ผมแนะนำให้ลองเลือกดูว่าเราชอบมันม้ย ตรงส่วนนี้ขึ้นอยู่กับว่า Theme ที่เราเลือกใช้ สนับสนุนมั้ยด้วย ลองเลือกดูครับ ถ้ามันใช้ไม่ได้ มันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเวลาเรากด Preview ดู
- Order ไม่ต้องปรับอะไรครับปล่อยไว้แบบเดิมเลย
- Featured Image คือ ภาพที่ใช้แสดงเป็นปกของบทความ เวลาเราไปดูบทความในเว็บอื่นๆ ก็มักจะมีปกบทความเป็นภาพ เพื่อเรียกความสนใจให้คนคลิ๊กเข้ามาอ่าน จำเป็นมากครับ ดังนั้น ถ้าทำบทความแล้ว ก็ควรหาภาพมาด้วยจะดีมาก
- Layout ก็คล้ายๆกับ Page Attribute เลือก Default เลยก็ได้ หรือจะเลือก
- Full Width สำหรับแสดงผลเต็ม
- Left Side Bar แสดงเมนูทางฝั่งซ้ายมือ
- Right Side Bar แสดงเมนูทางฝั่งขวามือ
ทีนี้ให้ลองเขียนบทความดู ตามภาพครับ
เสร็จแล้วเรียบร้อย จะขึ้นข้อความด้านบนสุดว่า Page Published หมายถึงเผยแพร่แล้วนะ พร้อมมีลิงค์ของบทความปรากฎด้วย ถ้าเราคิดว่าลิงค์ไม่สวย ก็อาจจะกดปุ่มแก้ไขตามลูกศรชี้ กดเข้าไปแก้เป็นคำพูดอื่นได้เลยที่เราคิดว่าโอเค
สำหรับบทความนี้จบแล้วล่ะ ง่ายๆใช่มั้ยสำหรับ Page พบกันใหม่บทความหน้าครับ
เช่าพื้นที่ทำเว็บ fastcomet เพื่อทำเว็บไซต์ wordpress ของตัวเอง ลดทันที 15% คลิ๊กเลย
บทความถัดไป (Up Next)
การสร้างหน้าเนื้อหาแบบ Post ใน WordPress